การผลิตผ้าเบรกต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของวัสดุหลายอย่าง ดังนี้
1. ต้องสามารถคงความสามารถในการใช้งานในอุณหภูมิสูง หรือไม่เกิดอาการ Brake Fade เมื่อใช้ไปนานๆ
2. ต้องทนน้ำได้ดี
3. ต้องสามารถถ่ายความร้อน และระบายความร้อนอกสู่อากาศได้ดี
4. ต้องคำนึงถึงอายุการใช้งานของผ้าเบรค แลกกับอายุการใช้งานของจานเบรค หากใช้วัสดุที่แข็งไปอาจมีผลเสียต่อการสึกของจานเบรกด้วย
5. วัสดุจะต้องสัมผัสกับจานเบรค หรือจานดรัมเบรคได้ทั่วถึง ไม่ใช่ใช้งานแล้วหลุดร่อน เบรกไม่จับจานอย่างทั่วถึง
Trend การใช้วัสดุผ้าเบรก
ในช่วงปี 1908 ใยหิน Abestos เป็นที่นิยมสูงในการผลิตผ้าเบรก เนื่องจากสามารถระบายความร้อนได้ดี และมีความทนทานสูง แต่ภายหลังมีผลวิจัยพบปัญหาสุขภาพในช่างที่ทำงานร่วมกับผ้าเบรกชนิดนี้เยอะ เลยสูญเสียความนิยมไป ทำให้ผ้าเบรกประเภท NAO หรือ Non-Abestos Organic เป็นที่นิยมมากขึ้น โดยจะยังเป็นผ้าเบรกที่ใช้วัสดุธรรมชาติที่ไม่มี Abestos เป็นส่วนผสม
นอกจากนี้ผ้าเบรกจำพวก Semi-Metallic ที่มีส่วนผสมของวัสดุธรรมชาติ และเหล็กก็เริ่มแพร่หลายขึ้น ช่วงปี 1989 ทองแดงเริ่มเป็นที่นิยมในผ้าเบรกมากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม
ส่วนผสมเนื้อผ้าเบรก
ส่วนผสมของเนื้อผ้าเบรก แต่ละผู้ผลิตถือเป็นความลับสุดยอด แต่หลักๆจะประกอบไปด้วยสารต่างๆ 5 ส่วน ดังนี้
- BINDER หรือ สารยึดเกาะ ทำหน้าที่ยึดสารต่างๆให้เป็นชิ้นเดียวกัน ทำหน้าที่คล้ายๆกาวผสานในอุณหภูมิสูง เช่น Carbon Fiber, Fiber Glass, Phenolic Resin, ฯลฯ
- ABRASIVE หรือ สารขัดถู เช่น Mineral Fiber, Metal Oxide, Brass, ฯลฯ
- FILLER หรือ สารเติมเต็ม เช่น Steel Wool, Rubber, Barium Sulfate, ฯลฯ
- PERFORMANCE MATERIAL หรือ สารเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น Carbon, Friction Dust, Kevlar, ฯลฯ
- STRUCTURE หรือ สารโครงสร้าง เช่น Abestos, Ceramics, Mineral Wool Fibers, ฯลฯ
โดยปริมาณ และชนิดของสารที่ใช้ก็จะแตกต่างไปแต่ละผู้ผลิต
การเลือกคุณภาพผ้าเบรก
เวลาผู้ผลิตทดสอบผ้าเบรก หรือแม่กระทั่งแม่ค้าเองเวลาเลือก จะดูคุณสมบัติหลักๆ 2 อย่าง คือ สัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน และอัตราการสึกหรอ ในอุณหภูมิต่างๆ โดยจะมีมาตรฐาน SAE ควบคุม ส่วนมาตรฐานผ้าเบรกที่นิยมในบ้านเราในบ้านเราคือ มอก 97 โดยจะใช้เครื่องทดสอบเบรกหน้าตาเหมือนรูปข้างล่าง ตรวจสอบค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน และอัตราการสึกหรอ ในอุณหภูมิตั้งแต่ 100 C, 150 C, ..., ไปเรื่อยๆถึงกว่า 350 C
หน้าตาตัวอย่างผลทดสอบ [ มอก 97-2557 ]
ส่วนมาตรฐานที่พบบ่อยเช่น SAE J866 จะกำหนดสัญลักษณ์บ่งบอก สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่อุณหภูมิต่ำ (0-200F) และสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่อุณหภูมิสูง (200-600F) ของผ้าเบรกไว้ตามตารางด้านล่าง
ผ้าเบรก OEM แทบทุกอันจะมีสัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวติดอยู่เวลาเลือกใช้ผ้าเบรกทดแทนควรเลือกเบอร์ที่มีค่า ใกล้เคียงกันกับของทีติดรถ
รถใช้ตามท้องถนนมักจะมีสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่อุณหภูมิต่ำ สูง หากใช้ในท้องสนามควรเลือกใช้ผ้าเบรกที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่อุณหภูมิสูง สูง
แต่ผ้าเบรกก็ไม่ใช่ทุกอย่างของระบบเบรก
การเบรกคือการเปลี่ยนพลังงานจลน์ของรถไปเป็นพลังงานความร้อน โดยเบรกจะทำหน้าที่ลดความเร็วของล้อเพื่อให้ล้อสร้างแรงเสียดทานกับพื้นถนน
นอกจากผ้าเบรกแล้ว ระบบเบรกยังมีส่วนประกอบอีกมากมาย ตั้งแต่ กระปุกน้ำมันเบรก, น้ำมันเบรก, ลูกสูบคาลิเปอร์เบรก, ล้อ, โช็คหน้า, ฯลฯ
สนใจสินค้าผ้าเบรค คลิก หรือสอบถามราคาส่งได้ที่ LINE: @TARADFILTER (มีตัว @ ด้วย)