คู่มือเลือกหัวเทียนแข่ง NGK RACING – TARADFILTER กรองเครื่องบิ๊กไบค์ราคาส่ง

หัวเทียนแข่งต่างกับหัวเทียนปกติทั้งหน้าตาและการทำงาน และหัวเทียน Racing ส่วนใหญ่จะมีอายุสั้นกว่าหัวเทียนปกติ และทำงานในรอบต่ำไม่ดีนัก ทั้งนี้เพราะต้องแลกกับความทนทาน และการทำงานที่ดีที่สุดในรอบสูงเพื่อใช้ในการแข่งขัน อีกอย่างคือหัวเทียนแข่งไม่ได้ช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์

สิ่งที่ต้องดูเมื่อเลือกหัวเทียน Racing มี 4 ข้อดังนี้

ข้อที่ 1 : ดีไซน์เกลียว [ Shell Design ]

เช็คเบอร์หัวเทียนที่ติดรถมาเพื่อดูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกลียว / ระยะ Pitch / ความลึกเกลียว และดีไซน์บ่าหรือแหวนรองให้ตรงกัน โดยดูจากตารางด้านล่างอ้างอิงได้

ข้อที่ 2 : ดีไซน์ปลายจุดระเบิด [ Firing End Design ]

โดยปกติปลายเขี้ยวหัวเทียนยิ่งลึกในฝาสูบเท่าไหร่ การจุดระเบิดที่ได้ก็จะดีขึ้น แต่การที่ปลายเขี้ยวยื่นมากก็จะทำให้หัวเทียนสึกเร็วขึ้นจากอุณหภูมิการใช้งานที่สูงขึ้น และแรงดันที่สูงกว่า โดยเฉพาะในเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขัน ที่มีเครื่องยนต์ที่ต้องใช้ในสภาพความสั่นสะเทือน และความร้อนสูงกว่าปกติ โรงงานจึงแนะนำดีไซน์ปลายเขี้ยวที่ช่วยลดแรงที่ทำต่อเขี้ยว และฉนวนปลายจุดระเบิดให้มากที่สุด โดยสามารถเลือกดีไซน์ปลายจุดระเบิดจากการใช้งานได้ตามนี้

2.1 แบบมีฉนวนยื่นจากปลายเกลียว [ Projected Type ]

แบบปลายฉนวนยื่นจากปลายเกลียวนี้จะใกล้เคียงกับแบบปกติ โดยหัวเทียนจะเหมาะใช้งานกับเครื่องที่ผ่านการจูนเล็กน้อย โดยจะทำงานดีทั้งในช่วงทอร์คต่ำถึงกลางในเครื่องเทอร์โบ

2.2 แบบเขี้ยวเอียง [ Oblique Electrode Type ]

แบบเขี้ยวเอียงจะให้การทำงานที่ดีกว่าในเครื่อง Turbocharged ที่มีการเพิ่มกำลัง 50% หรือมากกว่า เขี้ยวกราวด์ที่สั้นลงช่วยเพิ่มความทนทานจากการสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น

2.3 แบบไร้เขี้ยว [ Semi-surface Discharge Type ]

ดีไซน์ปลายแบบนี้จะป้องกันโอกาสจากอาการฉนวนแตก หรือเขี้ยวละลายได้มากที่สุด แต่อายุการใช้งาน และการทำงานในช่วงความเร็วต่ำอาจไม่ดีเท่าที่ควร

ข้อ 3 : ค่าความร้อน [ Heat Range ]

ค่าความร้อนบอกความสามารถในการระบายความร้อนของหัวเทียนตามรูปด้านล่าง

ควรเลือกค่าความร้อนหัวเทียนที่จะให้เครื่องทำงานในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมในรอบสูง เบอร์ความร้อนยิ่งสูงไม่ได้ช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้นเสมอไป ช่างและนักแข่งควรเลือกจากสภาพเครื่องยนต์อีกที

ข้อที่ 4 : ตัวต้านทาน [ Resistors ]

เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยนี้มีการพัฒนาไปมาก หัวเทียนที่มีตัวต้านทาน กับหัวเทียนที่ไม่มีตัวต้านทาน การทำงานเลยไม่ต่างกันมาก แต่ก็ยังมีรถบางรุ่นที่ระบุให้ใช้หัวเทียนที่มีตัวต้านทานเท่านั้นด้วย เพราะฉะนั้นก็ควรเช็คอีกทีเพื่อความมั่นใจ